ผลึกความคิดที่ได้จากหนังสือ Unicorn Tears สตาร์ตอัพแบบไหนที่ไม่ได้ไปต่อ

Unicorn Tears หนังสือปกสวยเล่มหนึ่งที่ผมตัดสินใจนานมากกว่าจะหยิบมา เพราะรู้สึกว่าทุกวันนี้ปัญหาก็เยอะมากอยู่ละไม่อยากจะรับรู้ปัญหาอะไรเพิ่ม แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจซื้อมา เพราะคิดว่ามึงหนีปัญหาไม่พ้นหรอก ต้องเตรียมตัวเผชิญหน้าถึงจะถูก แล้วก็ค้นพบว่า เป็นหนังสือที่ควรอ่านก่อนจะเริ่มทำสตาร์ตอัพ ไม่ใช่เพิ่งมาอ่านเอาตอนนี้ 555 (จริงๆ เป็นหนังสือที่คนทำสตาร์ตอัพทุกคนควรอ่านสักครั้ง ไม่ว่าจะอยู่ Stage ไหนก็ตาม)

หนังสือเล่มนี้เน้นไปถึงผู้ก่อสตาร์ตอัพเป็นหลัก กล่าวถึงอุปสรรค์ต่างๆ ที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัพจะต้องเจอ ซึ่งหลายคนจะเห็นตามข่าวถึงปัญหาของขายไม่ได้ เงินหมด จะอะไรก็ว่ากันไป นั่นก็เป็นปัญหา แต่มีอีกปัญหาที่เป็นเรื่องสำคัญมากด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ แรงกดดัน และสภาพจิตใจของผู้ก่อตั้ง ซึ่งมักจะไม่ค่อยมีคนพูดถึงกัน เพราะมันจะแสดงออกถึงความอ่อนแอหรือจะอะไรก็ตามที แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก และหนังสือเล่มนี้ก็ได้กล่าวถึงไว้อย่างเป็นห่วงเป็นใย เรียกว่าเข้าถึงหัวใจผู้ประกอบการสุดๆ

หากจะกล่าวถึงสิ่งที่ต้องคำนึงถึง การพัฒนาไอเดีย การหาผู้ร่วมก่อตั้ง การจัดหาและดูแลพนักงาน การพัฒนาแผนธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริหารเงิน การระดมทุน การจัดการความสัมพันธ์กับนักลงทุน เรียกว่าเล่มนี้ทำได้ครบรอบด้านเลย ขอแนะนำให้ผู้ประกอบการทั้งหลายลองไปหาอ่านดู

จากประสบการณ์ทำงานสตาร์ตอัพมาได้เกือบจะ 4 ปี ต้องยอมรับเลยว่านี่เป็นเส้นทางที่หฤโหดมาก มีอะไรต้องทำมากมายเสียจนหันมาดูปฏิทินอีกทีแล้วก็ต้องตกใจว่าจะสิ้นเดือนอีกแล้วหรอฟระ แต่ละ Stage ก็มีสิ่งที่ต้องทำ มีปัญหาที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง ต้องเรียนรู้ ต้องปรับตัวไม่ได้หยุดเลยจริงๆ แต่ก็ท้าทายและสนุกมากไปพร้อมกัน

สื่อต่างๆ นำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับสตาร์ตอัพผิดเพี้ยนจากความเป็นจริงไปพอสมควร ความคิดเห็นส่วนตัว ผมคิดว่าสตาร์ตอัพไม่ใช่ทางที่ใครจะมาทำก็จะมา จะไปก็ไป มันมีความคาดหวัง มันมีพันธะมากมาย ผมว่ามันคือ Life Style มันคือเส้นทางของคนที่คิดอยากเปลี่ยนโลก มันคือเส้นทางของนักสู้ หาใช่ที่มาขุดเงินขุดทองหวังรวยเร็วอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน การระดมทุนได้เป็นแค่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่แท้จริง

ที่อยากเน้นย้ำอีกเรื่องคือ สภาพจิตใจของคนทำสตาร์ตอัพนั้นต้องแข็งแกร่งดั่งเพชรจริงๆ ผมหมายถึงตั้งแต่ผู้ก่อตั้งไปจนถึงพนักงานทุกคน คุณจะต้องรับศึกรอบด้าน ต้องรักษาสมดุลชีวิตให้ได้ คุณเลือกมาขึ้นเรือเล็ก มันย่อมโคลงเคลงมากเป็นธรรมดา แต่ก็มีข้อดี การแจวของคุณจะส่งผลอย่างมากต่อองค์กร คุณจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนจากงานที่คุณทำ คุณจะได้เรียนรู้ทั้งลึกทั้งรอบด้าน แล้วถ้าอดทนจนเรือไปถึงเป้าหมายได้จริง ก็มารอดูกันว่ารางวัล (ความรู้ ประสบการณ์ เงิน) ที่ได้กลับมานั้นจะคุ้มค่าเพียงใด หรือต่อให้ไปไม่ถึงฝั่ง ผมก็เชื่อว่าคุณก็จะแกร่งจนเดินไปไหนก็มีแต่คนกวักมืออยากให้ไปร่วมงาน

ขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ไว้ให้ผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัพทุกท่านได้อ่าน ได้พิจารณา และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จากใจเพื่อนร่วมวงการ และขอเป็นกำลังใจให้นักสู้ทุกคน..

Continue reading

ผลึกความคิดที่ได้จากหนังสือ เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ (Into The Magic Shop)

สมองรู้อะไรมากมาย แต่ความจริงอันเรียบง่ายก็คือ
สมองยังรู้อะไรได้อีกมากเมื่อทำงานร่วมกับหัวใจ

ในปัจจุบันนี้เราได้เรียนรู้ว่าสมองเป็นกลไกการทำงานหลักเกี่ยวกับความคิด
ช่วยตัดสินใจเรื่องต่างๆ ช่วยควบคุมส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ส่วนหัวใจทำงานเป็นแค่อวัยวะที่คอยสูดฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย
แต่ก็ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลใด มนุษย์เรากลับแทนความรู้สึกต่างๆ ว่าเป็นเรื่องของหัวใจ
หรือความจริงแล้ว สมองและหัวใจจะมีความเชื่อมโยงที่ลึกซึ่งกันมากกว่าที่เราคิด

หนังสือเล่มนี้เล่าถึงประวัติของประสาทศัลยแพทย์ (หมอผ่าตัดสมอง) คนซึ่ง
ซึ่งเคยเป็นเด็กชายที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนและมีปัญหาที่สุด
แต่โชคดีได้พบกับผู้หญิงผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ผู้ซึ่งรู้จักสุดยอดกลวิเศษ และถ่ายทอดให้กับเขา
กลที่ว่านั้นจะช่วยให้ผู้ที่ใช้เป็นสามารถได้สิ่งที่ต้องการ และกลนี้เป็นกลที่เกี่ยวกับการใช้หัวใจ

Continue reading

ผลึกความคิดจากหนังสือ พันครั้งที่หวั่นไหวกว่าจะเป็นผู้ใหญ่

อายุที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ทำให้คนกลายเป็นผู้ใหญ่
หากแต่เป็นประสบการณ์ ความเจ็บปวด และวิธีการคิด ต่างหาก

เรื่องหนึ่งที่ทุกคนหนีไม่พ้นคือการโตเป็นผู้ใหญ่
แต่การเป็นผู้ใหญ่นั้นก็ไม่ได้ง่ายตรงไปตรงมา
ความคาดหวังจากตัวเอง คนรอบตัว และสังคม
ทำให้คนๆ หนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอยู่ในบ่ออนุบาลน้ำอุ่นมาตลอด
ออกมาเจอโลกความจริงอาจถึงกับต้องช็อคน้ำกันได้
แต่สุดท้ายยังไงก็ต้องต่อสู้เอาตัวรอดต่อไปไม่มีทางอื่น

Continue reading

สรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับหนังสือ The Hard Thing About Hard Things

เล่มนี้อ่านจบรอบแรกไปเมื่อปลายปี 2018 เป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ
ตอนนั้นรู้สึกแค่ว่า ก็เป็นหนังสือที่ดีมากเล่มหนึ่ง
ส่วนปีนี้ (2020) เพิ่งอ่านจบเวอร์ชั่นภาษาไทยไป แต่ความรู้สึกของรอบนี้คือโคตรอิน!
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอ่านภาษาไทยแตกฉานมากกว่า หรือเพราะได้เจอของจริงจากการทำงานจริง

นี่คือหนังสือที่ผู้ประกอบการทุกท่าน สมควรอ่านอย่างไม่ต้องสงสัย
รวมไปถึงผู้จัดการที่มีทีมงานต้องดูแลถ้ามีเวลามาอ่านก็ดี
เพราะมีเทคนิคการจัดการบริหารหลายอย่างที่มาเรียนรู้ได้

Continue reading

ผลึกความคิดที่ได้จากหนังสือ The Last Lecture

ถ้าคุณเป็นพ่อของเด็ก 3 คน ที่ยังไม่พร้อมรับการถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้เพื่อเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ พร้อมกับภรรยาอันเป็นที่รักอีกหนึ่งคน แล้วคุณถูกตรวจพบว่าคุณเป็นโรคร้ายจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 1 ปี คุณเลือกที่จะจัดการกับชีวิตของทุกคนในครอบครัวอย่างไร?

แรนดี เพาช์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน ถูกตรวจพบว่าตนเป็นเหยื่อของมะเร็งตับอ่อนที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ เปรียบเหมือนได้รับคำเตือนล่วงหน้าว่าจะเหลือชีวิตอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่เดือน เขาเลือกจะใช้ทักษะความสามารถในการสอนของเขา เพื่อทำการบรรยายครั้งสุดท้าย หรือที่เรียกว่า “The Last Lecture” เพื่อถ่ายทอด ชีวิต บทเรียน ประสบการณ์ ที่เขาได้ประสบพบเจอมาตลอดชีวิต ให้กับลูกๆ ของเขาในอนาคต ภรรยา ลูกศิษย์ คนรอบตัว ไปจนถึงผู้คนทั่วโลก

หนังสือเล่มนี้เล่าถึงชีวิตของ ศาสตราจารย์ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ ผู้ที่โชคดีเกิดในครอบครัวที่มีพ่อแม่ที่เป็นผู้ทรงปัญญาและมีความเมตตาแต่สังคมอย่างยิ่ง ที่คอยให้คำสอนและคำแนะนำและเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เขา นอกจากนั้นก็ยังได้พบว่าโค้ช อาจารย์ เพื่อน และลูกศิษย์ที่ดี ที่คอยให้คำแนะนำ เป็นกระเงาสะท้อนภาพตัวเอง ออกมาเป็นบทเรียนชีวิต และถูกถ่ายทอดออกมาในหนังสือเล่มนี้

หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเหมือนหัวกระทิแห่งปัญญาที่พ่อคนหนึ่งอย่างจะถ่ายทอดชีวิตของเขาให้กับลูกๆ ของตนที่ยังไม่พร้อมจะเรียนรู้ในอนาคต เพื่อที่วันหนึ่งลูกๆ ของเขาโตขึ้น จะได้รู้ว่า พ่อของเขาเป็นคนอย่างไร มีมุมมองความคิดอย่างไร และรักเขามากเพียงใด

ความตายเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ว่าสักวันมันจะต้องมาถึง แต่คนส่วนใหญ่จะไม่คำนึงถึงเพราะคิดว่ามันยังเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากตัว จึงยังเลือกใช้ชีวิตไปในทิศทางที่อาจนำพาไปสู่ความเสียใจในภายหลัง
การอ่านหนังสือที่ถ่ายทอดมุมมองความคิดของผู้ที่ได้มองเห็นธงของความตายนั้น ทำให้เราได้เห็นว่า แท้จริงแล้ว สำหรับคนหนึ่งที่ได้ใช้ชีวิตมาจนถึงวันที่เขารู้ตัวว่าเวลาเหลือไม่มากแล้ว มีอะไรบ้างที่เขาภูมิใจ เสียใจ และอยากถ่ายทอดเอาไว้ให้กับชนรุ่นหลัง เพื่อจะมอบไว้ให้เป็นบทเรียน เป็นเข็มทิศ แก่พวกเรา ที่จะต้องต่อสู้ดำรงชีวิตกันต่อไป

Continue reading

ผลึกความคิดที่ได้จากหนังสือ ความลับ 5 ข้อ ที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตาย

ความลับ 5 ข้อ ที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตาย หนังสือที่เล่าเรื่องจากการไปสัมภาษณ์คนแก่ผู้ทรงปัญหานับร้อยคนเพื่อออกตามหาคำว่า ท่านๆ เหล่านั้นมีวิธีการคิดอะไรถึงทำให้ชีวิตมีความสุข

เป็นหนังสือที่อ่านแล้วได้คิดทบทวนตัวเองอยู่ตลอดแทบทุกย่อหน้าเลยทีเดียว

การหลีกเลี่ยงการพูดถึงความตาย ไม่ได้ทำให้ความตายหายไปไหน ทางที่ดีเราควรมีพิจารณาว่า อะไรกันแน่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตเรา และจงรีบดำเนินการทำสิ่งเหล่านั้น เกิดวันหนึ่งตายไปจะได้ไม่มีอะไรต้องเสียดาย

Continue reading

ผลึกความคิดจากหนังสือ mindset ใช้ความคิด เอาชนะโชคชะตา

อ่านจบไปอีกเล่ม เล่มนี้คนอวยกันมากๆ คิดดูแล้วก็น่าจะดีถ้าได้อ่านเล่มนี้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

คนมีกรอบความคิดแบบตายตัวจะเชื่อในพรสวรรค์ หรือเชื่อว่าคนถูกกำหนดมามีขีดจำกัดตั้งแต่ต้น จึงเลือกทำสิ่งที่มั่นใจว่าทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงความล้มเหลว เพราะไม่เชื่อว่าจะก้าวข้ามขีดจำกัดนั้นได้

คนมีกรอบคิดแบบพัฒนาได้จะมองว่าทุกอย่างที่ได้เจอเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ประสบการณ์และเรียนรู้ จึงมักเลือกที่จะเสี่ยง คิดดิ้นรนเอาตัวรอด สุดท้ายเลยก้าวข้ามขีดจำกัดที่มีอยู่ได้

Continue reading

ได้อะไรมาบ้างจากการอ่าน Grit

เลิกให้ความสำคัญในพรสวรรค์
แล้วเปลี่ยนมาศรัทธาในพรแสวง

หนังสือเล่มนี้บอกว่า ถ้าไม่นับเรื่องดวงแล้ว
มีแต่ความทรหดอดทนยอมแพ้ไม่เป็นเท่านั้น
ที่จะพาคุณไปถึงเป้าหมายได้

Continue reading

ตกผลึกความคิดจากหนังสือ ชีวิตไม่ติดกับ กำจัด 7 กับดักขวางความสำเร็จ

สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับบทความตกผลึกความคิดจากหนังสือของผมเอง spicydog

เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ผมเข้าช่วงลำบากของชีวิตนิดหน่อย เล่นเอามุมมองความคิดเขวไปหมด แฟนผมก็เลยแนะนำหนังสือเล่มนึงมาให้ผมอ่านเพื่อเติมพลังใจ นั่นก็คือเรื่อง ชีวิตไม่ติดกับ กำจัด 7 กับดักขวางความสำเร็จ (Trap Tales : Outsmarting the 7 Hidden Obstacles to Success) ที่จะมาเล่าให้ฟังวันนี้นั่นเอง

หนังสือเล่มนี้ชี้ให้เห็นถึง 7 กับดักการชีวิตยอดฮิต ที่คนมักจะติดกัน แล้วกลายเป็นอุปสรรคฉุดรั้งความสำเร็จ ที่เขาเรียกเป็นกับดักนั้นก็เพราะว่า ลักษะของมันไม่แสดงตัวว่ามีพิษมีภัยอะไร แต่เมื่อเราพลาดเข้าไปติดแล้ว ก็จะวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในนั้น กว่าจะรู้ตัวว่าติดกับอยู่ กว่าจะปรับเปลี่ยนนิสัยที่มีปัญหาได้ ก็อาจจะทำให้เสียเงิน เวลาเสีย เสียความรู้สึก จนไปถึงสูญเสียความสัมพันธ์ที่ดีไป ซึ่งในหนังสือก็ได้แนะนำและอธิบายซะจนเห็นภาพ ชี้ให้คอยสังเกต คอยระวัง ชี้แนวทางการแก้ปัญหา ไปจนถึงวิธีการเอาไปใช้งานจริงและส่งต่อความรู้ด้วย

ซึ่งหนังสือเล่มนี้ผมอ่านดูแล้ว นอกจากจะได้คำเตือนสติต่างๆ แล้ว ยังได้มอบพลังบวกออกมาให้ด้วย จนในที่สุดผมก็เริ่มกลับมาปรับการใช้ชีวิตให้เข้าที่เข้าทางอย่างเดิมได้สำเร็จ

เนื่องจากผมเองก็อยากจดบันทึกสรุปเนื้อหาที่ได้จากหนังสืออยู่แล้ว ก็เลยถือโอกาสเขียน Blog แบ่งปันความรู้ในหนังสือเล่มนี้เสียเลยละกัน แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ขออนุญาตเอานำประสบการณ์และมุมมองของตัวเองใส่เข้าไปประกอบด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองวิธีคิดกัน

เราอย่ามัวแต่อารัมภบทอยู่เลย เริ่มเข้าเนื้อหากันเลยดีกว่าครับ 🙂

Continue reading

ตกผลึกความคิด จากหนังสือ เลิก การคบค้าที่ไม่เป็นผล

อ่านจบไปอีกเล่มก่อนสิ้นปี หนังสือเล่มนี้ที่ชี้ให้เห็นว่า “ความจริงแล้ว ผมเป็นคนที่ EQ ต่ำเพียงใด”

คน EQ ต่ำ จะตกเป็นทาสของอารมณ์

เป็นหนังสือที่ทีแรกหยิบมาเล่นๆ เพราะจะเอาส่วนลดตั้งแต่ต้นปี หยิบมาเพราะเห็นหน้าปกและสารบัญดูดุดันดี ก็เลยอยากจะรู้ว่า ข้างในหนังสือแรงๆ อย่างนี้เขาเขียนอะไรกัน จนเพิ่งได้มาหยิบอ่านเมื่อต้นเดือน หัวใจก็โดนทิ่มแทงไปหลายแผล เนื้อหาข้างใน ตรงกับหน้าปกอยู่สัก 20% ได้ อีก 80% เป็นเนื้อหาที่อธิบายถึงการเข้าสังคม

Continue reading