ผลึกความคิดที่ได้จากหนังสือ The Last Lecture

ถ้าคุณเป็นพ่อของเด็ก 3 คน ที่ยังไม่พร้อมรับการถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้เพื่อเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ พร้อมกับภรรยาอันเป็นที่รักอีกหนึ่งคน แล้วคุณถูกตรวจพบว่าคุณเป็นโรคร้ายจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 1 ปี คุณเลือกที่จะจัดการกับชีวิตของทุกคนในครอบครัวอย่างไร?

แรนดี เพาช์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน ถูกตรวจพบว่าตนเป็นเหยื่อของมะเร็งตับอ่อนที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ เปรียบเหมือนได้รับคำเตือนล่วงหน้าว่าจะเหลือชีวิตอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่เดือน เขาเลือกจะใช้ทักษะความสามารถในการสอนของเขา เพื่อทำการบรรยายครั้งสุดท้าย หรือที่เรียกว่า “The Last Lecture” เพื่อถ่ายทอด ชีวิต บทเรียน ประสบการณ์ ที่เขาได้ประสบพบเจอมาตลอดชีวิต ให้กับลูกๆ ของเขาในอนาคต ภรรยา ลูกศิษย์ คนรอบตัว ไปจนถึงผู้คนทั่วโลก

หนังสือเล่มนี้เล่าถึงชีวิตของ ศาสตราจารย์ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ ผู้ที่โชคดีเกิดในครอบครัวที่มีพ่อแม่ที่เป็นผู้ทรงปัญญาและมีความเมตตาแต่สังคมอย่างยิ่ง ที่คอยให้คำสอนและคำแนะนำและเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เขา นอกจากนั้นก็ยังได้พบว่าโค้ช อาจารย์ เพื่อน และลูกศิษย์ที่ดี ที่คอยให้คำแนะนำ เป็นกระเงาสะท้อนภาพตัวเอง ออกมาเป็นบทเรียนชีวิต และถูกถ่ายทอดออกมาในหนังสือเล่มนี้

หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเหมือนหัวกระทิแห่งปัญญาที่พ่อคนหนึ่งอย่างจะถ่ายทอดชีวิตของเขาให้กับลูกๆ ของตนที่ยังไม่พร้อมจะเรียนรู้ในอนาคต เพื่อที่วันหนึ่งลูกๆ ของเขาโตขึ้น จะได้รู้ว่า พ่อของเขาเป็นคนอย่างไร มีมุมมองความคิดอย่างไร และรักเขามากเพียงใด

ความตายเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ว่าสักวันมันจะต้องมาถึง แต่คนส่วนใหญ่จะไม่คำนึงถึงเพราะคิดว่ามันยังเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากตัว จึงยังเลือกใช้ชีวิตไปในทิศทางที่อาจนำพาไปสู่ความเสียใจในภายหลัง
การอ่านหนังสือที่ถ่ายทอดมุมมองความคิดของผู้ที่ได้มองเห็นธงของความตายนั้น ทำให้เราได้เห็นว่า แท้จริงแล้ว สำหรับคนหนึ่งที่ได้ใช้ชีวิตมาจนถึงวันที่เขารู้ตัวว่าเวลาเหลือไม่มากแล้ว มีอะไรบ้างที่เขาภูมิใจ เสียใจ และอยากถ่ายทอดเอาไว้ให้กับชนรุ่นหลัง เพื่อจะมอบไว้ให้เป็นบทเรียน เป็นเข็มทิศ แก่พวกเรา ที่จะต้องต่อสู้ดำรงชีวิตกันต่อไป

สามารถเข้ารับชมแรนดี เพาช์ บรรยายได้ที่นี่: https://www.ted.com/talks/randy_pausch_really_achieving_your_childhood_dreams


บทเรียนบางส่วนที่เห็นว่าดีและขอบันทึกเอาไว้ทบทวนตัวเองในภายหลัง

เราไม่สามารถเปลี่ยนไพ่ที่เราจั่วมาได้ แต่เราจะเล่นไพ่ในมืออย่างไรต่างหาก
pp. 0

ผมเป็นผู้ชายที่โชคดีมากที่ได้มีโอกาสได้ใช้ชีวิตตามความฝัน ทั้งนี้ก็เพราะมีบุคคลผู้น่าอัศจรรย์มากมายที่สอนผมมาตลอดเส้นทางชีวิต
pp. 11

ทำความฝันวัยเด็กของคุณให้เป็นจริงได้อย่างอย่างแท้จริง
pp. 21

ผมถูกลอตเตอรี่เรื่องพ่อแม่ ผมเกิดมาพร้อมกับลอตเตอรี่ใบที่ถูกรางวัล ซึ่งเห็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผลสามารถใช้ชีวิตให้เป็นไปตามเป้าหมายความฝันวัยเด็กได้
pp. 24

สิ่งที่เด็กๆ ต้องการเหนือสิ่งอื่นใดคือ เขาจำเป็นต้องรู้ว่าพ่อแม่รักเขามาก และพ่อแม่ของเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่เพื่อให้เขารับรู้สิ่งนี้
pp. 28

พื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญ แต่เป็นสิ่งที่คนยุคใหม่มักมองข้าม ตัวอย่างของการเล่นฟุตบอลที่มีคนในสนามถึง 22 คน แต่มีผู้ได้จับลูกเพียงครั้งละคน ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ของคนในสนามจึงเป็นกิจกรรมอื่นที่ไม่ต้องใช้ลูกฟุตบอล และนั่นคือสิ่งที่ควรให้ความสำคัญอย่างมากเช่นกัน
pp. 39

สิ่งที่เราต้องการให้ลูกเรียนรู้จริงๆ คือการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างกลมเกลียว การรู้จัดอดทนกลั้นจิตใจ น้ำใจนักกีฬา คุณค่าของการทำงานหนัก และศักยภาพในการเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้อย่างองอาจ
pp. 42

ให้ไปศึกษาชุดทักษะ ภาวะผู้นำ ของกับตันเคิร์กใน Star Trek
pp. 48

ถึงแม้ผลสแกนจะออกมาเลวร้ายอย่างไรในวันพรุ่งนี้ ผมอยากให้คุณรู้ว่า การมีชีวิตอยู่ การได้มาที่นี่ในวันนี้ มีชีวิตอยู่กับคุณ ช่างเป็นเรื่องสุดยอด ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ผมจะยังไม่ตายทันทีที่ได้ยิน ผมจะยังไม่ตายในวันถัดไปหรือวันถัดไปจากนั้น เพราะฉะนั้น วันนี้ เดี๋ยวนี้ เป็นเวลาที่วิเศษสุด และผมอยากให้คุณรู้ว่าผมมีความสุขในวันนี้แค่ไหน
pp. 69

แรนดี มันน่าเสียดายมากเลยนะที่คนมองว่าคุณเป็นคนอวดดี เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวจำกัดความสำเร็จในชีวิตคุณ
pp. 74

กำแพงอิฐถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง และเหตุผลนั้นคือการให้โอกาสเราได้แสดงออกมาว่าเราต้องการสิ่งนั้นมากเพียงใด
pp. 85

รอยบุบของรถไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะรถมีหน้าที่แค่พาเราจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งเท่านั้นเอง
pp. 91

มันไม่มีประโยชน์ที่จะใช้เวลาวันนี้เพื่อกลัววันพรุ่งนี้
pp. 104

ตลอดชีวิตของผม ผมตระหนักดีว่าเวลามีจำกัด ผมยอมรับว่าบางเรื่องในชีวิตผมก็ใช้เหตุผลมากเกินไป แต่เรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่าผมทำได้ตามสมควรแล้วคือเรื่องบริหารเวลา
pp. 114

เป้าหมายอันดับหนึ่งของครู คือการสอนให้ลูกศิษย์เรียนรู้ที่จะเรียนรู้
pp. 118

ครูปฏิเสธความจริง แต่ครูมีอาจารย์ที่แสดงความเป็นห่วงครูด้วยการกระแทกความจริงเข้าไปในหัวครู รู้ไหมว่าทำไมครูเป็นคนพิเศษ เพราะครูรับฟัง
pp. 122

แค่เก่งอย่างเดียวไม่พอหรอก คนที่ผมอยากได้ในทีมวิจัยคือคนที่ช่วยให้คนอื่นๆ รู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ตรงนี้
pp. 125

การวิจารณ์งานเพื่อทำลายเพดานความสามารถ: งานของพวกคุณส่งมาดีพอใช้ได้ แต่ครูรู้ว่าคุณยังทำได้ดีกว่านี้อีก
pp. 131

มนุษยชาติได้เดินทางออกไปนอกดาวเคราะห์ดวงนี้ และร่อนลงจอดบนโลกใบใหม่เป็นครั้งแรก แต่พวกคุณกลับคิดว่าเวลาเข้านอนเป็นเรื่องสำคัญกว่า
pp. 141

ถ้าเราใช้เงินต่อสู้ปัญหาความยากจน แน่นอนว่ามันมีคุณค่ามาก แต่บ่อยครั้งเกินไปที่เรากำลังทำงานชายขอบ แต่ถ้าเราส่งคนไปดวงจันทร์ นั่นคือเรากำลังสร้างแรงบันดาลใจให้คนทุกคนได้ใช้พลังศักยภาพเต็มที่เท่าที่มนุษย์จะมีได้ ถึงวันนั้นปัญหาใหญ่ๆ ของมวลมนุษยชาติก็จะถูกแก้ไปในที่สุด
pp. 142

คนจำนวนมากใช้ชีวิตแต่ละวันให้ผ่านไปด้วยการพร่ำบ่นถึงปัญหาของตน ผมเชื่อว่าหากเราเอาพลังแค่หนึ่งในสิบที่ใช้ไปในการบ่นมาแก้ไข เราจะพบว่าเรื่องราวต่างๆ ออกมาดีอย่างไม่น่าเชื่อ
pp. 148

ผมได้ค้นพบว่าวันเวลาของคนจำนวนมากถูกใช้ไปกับการวังกลครุ่นคิดว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับตัวเอง ถ้าไม่กังวลว่าคนอื่นๆ จะคิดอย่างไรกับเราแล้ว เราทุกคนจะทำงานและใช้ชีวิตได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
คุณไม่ต้องกังวลว่าผมจะคิดอย่างไรกับคุณ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ผมจะบอกคุณเสมอว่า ผมคิดอะไรในหัว
pp. 151

เข้าถึงคนอย่างเป็นทางการด้วยการแนะนำตัว – หาสิ่งที่เรามีร่วมกัน – พยายามพบกันในสถาการณ์ที่ดีที่สุด – ให้ทุกคนได้พูด – วางอัตตาไว้ที่ประตูห้อง – ชมกันเอง – เสนอตัวเลือกเป็นคำถาม
pp. 153

เมื่อคุณโมโหหรือรำคาญใครสักคน อาจเป็นไปได้ว่าคุณไม่ได้ให้เวลาเขามากพอ
pp. 155

โชคคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อการเตรียมตัวที่ดีเดินทางมาพบกับคำว่าโอกาส
pp. 157

ไม่ว่าคุณค่าว่าคุณทำได้หรือไม่ได้ คุณก็คิดถูกทั้งนั้น
pp. 157

ประสบการณ์คือสื่งที่คุณได้เมื่อคุณไม่ได้ในสิ่งที่คุณต้องการ
pp. 158

คนจำนวนมากชอบเส้นทางลัด แต่ผลกลับพบว่าเส้นทางลัดที่ดีที่สุดคือเส้นทางที่ยาวไกล นั่นคือการทำงานหนัก
ถ้าเราทำงานด้วยจำนวนชั่วโมงที่มากกว่าคนอื่น ในชั่วโมงที่เพิ่มขึ้นมานั้น เราจะเข้าใจศาสตร์ของเรามากขึ้น สิ่งนี้จะทำให้คุณทำงานได้ดีกว่า มีทักษะมากกว่า แถมยังมีความสุขมากกว่าด้วย
งานหนักก็เหมือนกับดอกเบี้ยทบต้นในธนาคาร เราจะเห็นตัวเลขเงินได้เร็วกว่าปรกติมาก
pp. 167

คุกกี้รสมินต์ที่ส่งมานี้คือรางวัลของคุณ ถ้าจะให้ดี กรุณาอย่ากินจนกว่าจะอ่านบทความจบนะครับ (เทคนิคการขอให้คนช่วยทำงานให้เรา)
pp. 169

ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดี แต่เมื่อต้องมีการตัดสินใจ ผมมักจะพยายามคิดถึงผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดก่อน
pp. 171

การขอโทษที่ถูกต้อง มีองค์ประกอบ 3 ส่วน
1. สิ่งที่ฉันทำลงไปไม่ถูกต้อง
2. ฉันเสียใจมากที่ทำให้คุณเสียใจ
3. ฉันจะทำให้สถาการณ์ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง
pp. 173

ถ้าหากผมให้คำแนะนำใครได้แค่ 3 คน ผมจะบอกว่า “พูดความจริง” แต่ถ้าผมได้สิทธิ์พูดมากขึ้นอีกสามคำ ผมจะเติม “ตลอดเวลา” เข้าไป
เรามีคุณค่าเท่ากับคำพูดของเราเท่านั้น
pp. 174

งานที่ต้องลงแรงทำเองไม่ต่ำเกินไปสำหรับใครทั้งนั้น ท่านจะยินดีให้ผมทำงานหนักและเป็นคนขุดแปลงที่เก่งที่สุดในโลก แทนที่จะใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยแบบคนนั่นโต๊ะชั้นสูงที่หลงตัวเองไปวันๆ
pp. 181

ถ้าคุณมีความต้องการสิ่งหนึ่งจริงๆ จงอย่ายอมแพ้ และจงรับการช่วยเหลือเมื่อจำเป็น
pp. 186

ถ้าอยากได้อะไร ก็ขอเพียงแค่ถามออกไป คุณจะได้ยินคำตอบว่า “ได้อยู่แล้ว” บ่อยกว่าที่คุณคาดไว้
pp. 191

สิ่งที่ทำให้คุณหมอปวดร้าวใจคือ การต้องเห็นคนไข่เจ็บปวดทรมารจากการบำบัด และคิดว่าเขาเจ็บนั้นเป็นเพราะเขายังมองโลกในแง่บวกไม่พอ
(การมองโลกในแง่ดีมันเป็นเรื่องของภาวะทางจิตใจที่เอื้อให้คุณทำอะไรดีๆ ที่จับต้องได้ ไม่ใช่การฝังเฟื่อง)
pp . 195

ขอให้คุณโอบรับความช่วยเหลือ เพื่อคุณจะได้มีกำลังรับมือกับเรื่องที่สำคัญจริงๆ
pp. 197

จงบอกเพื่อนคุณว่า เมื่อเขาตายจากไป ส่วนหนึ่งของคุณก็ได้ตายไปพร้อมๆ กับเขา และจะติดตามเขาไป ไม่ว่าเขาจะไปที่ใดก็ตาม คุณก็จะตามไปอยู่ใกล้ตัวเขา เขาจะไม่อยู่ตามลำพัง
pp. 198

ผมรักลูกทั้งสามคนหมดหัวใจและรักในแบบที่แตกต่างกัน และผมก็ต้องการให้พวกเขารู้ว่าผมจะรักเขาไปตลอดชีวิตของพวกเขา นี่คือสัญญาจากใจผม
pp. 209

ชีวิตของเขาจะเป็นชีวิตของเขาเอง ผมแค่ขอให้ลูกๆ หาหรทางของตัวเองด้วยความกระตือรือร้นและมุ่งมั่น ผมต้องการให้พวกเขารู้สึกว่าผมอยู่ตรงนั้นกับเขาเสมอ ไม่ว่าเขาจะเลือกเส้นทางใดก็ตาม
pp. 210

Tags: ,