ผลึกความคิดที่ได้จากหนังสือ เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ (Into The Magic Shop)

สมองรู้อะไรมากมาย แต่ความจริงอันเรียบง่ายก็คือ
สมองยังรู้อะไรได้อีกมากเมื่อทำงานร่วมกับหัวใจ

ในปัจจุบันนี้เราได้เรียนรู้ว่าสมองเป็นกลไกการทำงานหลักเกี่ยวกับความคิด
ช่วยตัดสินใจเรื่องต่างๆ ช่วยควบคุมส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ส่วนหัวใจทำงานเป็นแค่อวัยวะที่คอยสูดฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย
แต่ก็ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลใด มนุษย์เรากลับแทนความรู้สึกต่างๆ ว่าเป็นเรื่องของหัวใจ
หรือความจริงแล้ว สมองและหัวใจจะมีความเชื่อมโยงที่ลึกซึ่งกันมากกว่าที่เราคิด

หนังสือเล่มนี้เล่าถึงประวัติของประสาทศัลยแพทย์ (หมอผ่าตัดสมอง) คนซึ่ง
ซึ่งเคยเป็นเด็กชายที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนและมีปัญหาที่สุด
แต่โชคดีได้พบกับผู้หญิงผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ผู้ซึ่งรู้จักสุดยอดกลวิเศษ และถ่ายทอดให้กับเขา
กลที่ว่านั้นจะช่วยให้ผู้ที่ใช้เป็นสามารถได้สิ่งที่ต้องการ และกลนี้เป็นกลที่เกี่ยวกับการใช้หัวใจ

หลายๆ คน เคยได้ยินกฎ ความคิดมีแรงดึงดูด
ที่บอกว่าถ้าเราปรารถนาสิ่งใดอย่างแรงกล้า เราจะได้สิ่งนั้น
หากใครได้เคยอ่านหนังสือ The Secret ก็น่าจะคุ้นๆ กับเรื่องนี้ดี
และถ้ายิ่งได้อ่าน The Top Secret ของ ทันตแพทย์ สม สุจีรา
ก็จะได้เข้าใจหลักการทำงานของกลนี้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว

กลในหนังสือนี้ก็มีพื้นฐานเดี่ยวกัน ความจริงมันคือเรื่องเดียวกัน
แต่หนังสือเล่มนี้อธิบายถึง 4 ขั้นตอนในการทำให้กลนี้สำเร็จอย่างเป็นหลักการ

  1. ผ่อนคลายร่างกาย
  2. กล่อมจิตให้นิ่ง
  3. เปิดหัวใจ (ขั้นตอนที่สำคัญที่สุด)
  4. กำหนดจุดมุ่งหมายให้ชัดเจน
    รวมถึงอธิบายวิธีการขั้นตอนการปฏิบัติผ่านการเล่าเรื่องที่ชวนติดตาม
    เรียกได้ว่าอ่านแล้วแทบวางไม่ลงเลยสำหรับเล่มนี้

จากเด็กที่แทบจะไม่มีอะไรในชีวิต แต่ได้ฝึกกลนี้
ทำให้เขาได้ทุกอย่างที่เขาต้องการ ที่จริงได้มากกว่าที่ตั้งใจไว้เสียอีก
แต่สุดท้ายโชคชะตาก็พัดพาทุกอย่างที่เคยมีออกไปจนหมดสิ้น
เหลือเอาไว้เพียงแต่ทักษะความรู้ที่เขาใช้เพื่อตั้งหลักขึ้นมาอีกครั้ง
และเมื่อทบทวนดูทุกอย่างที่ผ่านมาเขาก็ค้นพบว่า
สิ่งที่เขาปรารถนาสูงสุดคือ
โลกที่ผู้คนไม่ทำร้ายกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
จึงได้ก่อตั้งศูนย์ CCARE ขึ้นมา
เพื่อศึกษาเกี่ยวกับความเมตตา สมอง และหัวใจ

โดยสรุปแล้วคือหนังสือเล่มนี้สอนถึงวิธีการที่หลายๆ คนอาจจะไม่เชื่อ
เพราะมันฟังดูไม่น่าเชื่อ (แต่ผมอยากบอกว่ามันมีจริง)
นั่นคือการภาวนาอย่างแรงกล้าเพื่อให้ได้มาซึ่งอะไรบางอย่าง
และการจะได้มาซึ่งสิ่งต่างๆ นั้นไม่จำกัดว่าจะเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดี
กลที่ว่านี้มันเสกได้ให้ได้หมด ตราบใดที่ยังอยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้
และในที่สุดเราก็จะได้พบว่า สิ่งที่เราอยากได้ที่สุด อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา
แล้วอะไรกันคือสิ่งที่ดีที่สุด เรื่องนั้นก็คงต้องให้แต่ละคนออกไปตอบคำถามกันเองว่า
แทัจริงแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดของคุณคืออะไร
ส่วนสำหรับของผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาคือ
ความเมตตา ความปรารถนาดีให้แก่กัน

เป็นหนังสืออีกเล่มที่หยิบมาอ่านแล้วไม่เสียใจเลย
ถึงแม้ส่วนตัวจะอ่านแนวๆ นี้มามากพอสมควร เหมือนทบทวนบทเรียน
แต่การเล่าเรื่องของหนังสือเล่มนี้พิเศษมาก
มีสถาการณ์เปิดคั้นหัวใจที่ทำให้อ่านไปลุ้นไปจนตัวโก่ง
ถ้าได้เจอหนังสือเล่มขอ ขอให้ลองอ่านบทนำดู แล้วจะเข้าใจว่าผมพูดถึงอะไร
ส่วนตัวไม่เคยอ่านอะไรแล้วลุ้นขนาดนี้มาก่อน 555
เรียบเรียงเนื้อเรื่องและทำการเล่าเรื่องออกมาได้ดีมากจริงๆ

ส่วนเรื่องความชื่อ เรื่องศาสนาในหนังสือเล่มนี้
อันนี้ก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน
บางทีคนสายวิทยาศาสตร์ก็จะไม่เชื่อสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้
แต่ก็ควรต้องเปิดใจยอมรับสักหน่อยว่า
ก็มีอีกหลายๆ อย่างที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้
แต่ก็ทำท่าว่าจะมีอยู่จริง แล้วเราก็อาศัยอยู่กับมันในชีวิตประจำวัน
ถ้าเราเป็นคนขยันตั้งคำถามให้ละเอียดลึกซึ้งมากพอ
เราจะพบว่ามันมีมากเสียจนบางทีก็อาจต้องตั้งคำถาม
ถึงกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่เราใช้อยู่บ้างก็ดีเหมือนกัน
คงไม่มีศาสตร์ใดๆ อธิบายทุกอย่างได้หมด
เราจึงหยิบแต่ละศาสตร์มาใช้ผสมผสานกัน

==============================================

บางส่วนที่ผมเก็บออกมาจากหนังสือเล่มนี้

วิธีผูกมิตรและจูงใจคน pp.12

  1. ให้ความสนใจผู้อื่นอย่างแท้จริง
  2. ยิ้ม
  3. จำไว้ว่าชื่อของแต่ละคน สำหรับคนคนนั้นแล้ว เป็นคนที่อ่อนหวานและสำคัญที่สุด ไม่ว่าในภาษาใด
  4. เป็นผู้ฟังที่ดี ชักชวนให้ผู้อื่นพูดถึงเรื่องของตัวเขาเอง
  5. พูดคุยเรื่องที่ผู้อื่นสนใจ
  6. ทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าตนเองเป็นคนสำคัญ และทำอย่างจริงใจด้วย

การควบคุมจิตใจเป็นการช่วยให้เลิกอยู่กับความรู้สึกผิดและความอับอายจากเหตุการณ์ในอดีตและความกัลวลกับความกลัวจากการคิดถึงเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต pp.53

ตอนที่หัวใจของเราบาดเจ็บ มันจะเปิดออก และจะทำให้เราโตขึ้นจากการบาดเจ็บนั้น เราเติบโตจากสถานการณ์ต่างๆ ที่ยากลำบาก นี่แหละคือเหตุผลที่เธอควรยอมรับสิ่งยากๆ ทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต ฉับว่าคนที่ไม่มีปัญหาเลยน่าเสียดายนะ คนที่ไม่ต้องเจออะไรที่ยากลำบากเลยจะพลาดของขวัญในชีวิต พลาดสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิตไป pp.67

สิ่งที่เราคิดในหัวนั้นเกือบทั้งหมดมักเป็นไปในทางวิพากษ์วิจารณ์และเป็นลบมากเกินไป ทำให้เราตอบสนองในลักษะที่ไม่เป็นผลดีที่สุดสำหรับเรา ทำให้เรามีชีวิตอยู่เพื่อหวังในสิ่งที่ควรเป็นหรือน่าจะเป็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า บ่อยมากเสียจนเราแทบไม่เหลือเวลาอยู่กับปัจจุบัน pp.69

การวาดภาพตัวเองในหัวมีสองวิธี วิธีหนึ่งคือทำเหมือนเธอกำลังดูหนังที่ฉายเรื่องของเธอเอง อีกวิธีหนึ่งคือทำเหมือนการมองผ่านตาของเธอ pp.85

ผมพยายามจะสร้างตัวตรของผมขุเนมาใหม่ แต่ผมก็เปลี่ยนคนที่ผมรักไม่ได้ ไม่ว่าจะตั้งใจแค่ไหน พวกเขาต้องเลือกที่จะเปลี่ยนตัวเอง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำ นี่อาจเป็นส่วนที่แย่ที่สุดของการเป็นเด็ก ชีวิตของเราขึ้นอยู่กับคนอื่นและอยู่เหนือการควบคุมของเรา บ่อยครั้งผลจากสิ่งที่ผู้อื่นเลือกอาจสร้างบาดแผลลึกและแผลเป็นให้เราไปตลอด pp.102

ใครเป็นผู้ให้สิทธิ์พวกคุณในการทำลายความฝันของผู้อื่น pp.127

ผมกลายเป็นคนดื้อรั้น การได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมต้องการและทักษะความสามารถในประสาทศัลยกรรมทำให้ผู้สึกตัวเองสำคัญและพิเศษในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน pp.144

บางทีอาจเพราะสิ่งที่เราพบระหว่างประสบการณ์ใกล้ตายนั้น อาจเป็นสิ่งที่หัวใจของเราต้องการมากที่สุด นั่นคือ ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข การยอมรับ ความรู้สึกอบอุ่นของบ้านและครอบครัว การได้เป็นส่วนหนึ่ง pp.156

ความเชื่อที่อยู่ยืนยงที่สุดอย่างหนึ่งของมนุษย์คือความเชื่อว่าความร่ำรวยนำมาซึ่งความสุขและเงินเป็นวิธีแก้ปัญหาทุกอย่าง ผมสูญเสียเงินไป และนั่นแหละคือปัญหา ตอนนี้ผมมีโอกาที่จะได้เงินนั้นกลับคืนมาแล้ว แต่นั่นก็เป็นปัญหาเหมือนกัน ผมสัญญากับองค์กรการกุศลไว้แล้ว พ่อของผมให้สัญญาที่ทำไม่ได้เต็มไปหมด และผมตั้งมั่นกับตนเองและวว่าจะไม่เป็นคนไม่รักษาคำพูด pp.177

ถึงเวลาเริ่มต้นใหม่และกลายเป็นคนที่ทรางคุณค่าอย่างแท้จริงโดยไม่ต้องใช้เงินสักดอลลาร์ นี่เองคือสิ่งที่รูทต้องการจะสอนเด็กชายคนหนึ่ง แต่บทเรียนบางบทนั้นก็สอนไม่ได้และต้องเรียนรู้ด้วยการพบเจอเองจึงจะเข้าใจ pp.178

สมองรู้อะไรมากมาย แต่ความจริงอันเรียบง่ายก็คือ สมองยังรู้อะไรได้อีกมากเมื่อทำงานร่วมกับหัวใจ pp.180

รูทสอนเทคนิตและวิธีฝึกฝนต่างๆ แต่ด้วยการที่เธอได้ทุ่มเทเวลามาสอนผม การที่เธิให้เวลาและความสนใจแก่ผม เธอได้สอนกลยิ่งใหญ่ที่สุดและแท้จริงที่สุดเท่าที่มี นั่นคือพลังแห่งความเมตตา ที่ไม่เพียงรักษาบาดแผลในหัวใจของเรา แต่ยังรักษาบาดแผลในหัวใจของคนรอบตัวเราด้วย pp.181

การติดเชื้อในหูหรือการไม่มีประกันสุขภาพ ไม่ควรเป็นสาเหตุให้เด็กเสียชีวิต pp.186

อักขระของหัวใจ pp.188
C: Compassion ความเมตตา
D: Dignity ความภาคภูมิใจ
E: Equanimity ความสงบใจ
F: Forgiveness การให้อภัย
G: Gratitude ความซาบซึ้งใจ
H: Humility ความถ่อมตน
I: Integrity ความซื่อตรง
J: Justice ความยุติธรรม
K: Kindness ความเอื้ออารี
L: Love ความรัก (โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน)

ผมเปิดหัวใจของผมให้ความผิดพลาดทั้งหมดที่ผมเคยทำและให้หนทางโง่ๆ ที่ผมพยายามใช้จะพิสูจน์คุณค่าของผมในโลกใบนี้ และได้พบกับความถ่อมตน และเมื่อทำเช่นนั้นแล้ว ผมก็รู้ว่าผมไม่ใช่คนเดียวในโลกที่เคยหิวโหย ไม่ใช่คนเดียวที่โลกที่เคยหวาดกลัว ไม่ใช่คนเดียวในโลกที่รู้จักความโดดเดี่ยวรู้สึกถูกทิ้งกว้าง หรือแตกต่างจากคนอื่น ผมเปิดหัวใจและพบว่าหัวใจของผมมีความสามารถที่จะเชื่อมโยงกับหัวใจดวงอื่นๆ ที่พบได้ เป็นเรื่องที่ชวนเหนื่อยล้า และสวยงาม และแปลกประหลาด ไปพร้อมๆ กัน pp.194

สมองของพวกเราพัฒนามาพร้อมกับความต้องการที่จะช่วยเลหือกันและกัน เราเห็นความต้องการช่วยเหลือผู้อื่นนี้ได้ตั้งแต่วัยเตาะแตะ pp.203

การอยู่รอดของผู้ที่จิตใจดีที่สุดและให้ให้ความร่วมมือมากที่สุดต่างหากที่จะการันตีความอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นๆ ในระยะยาว เรามีวิวัฒนาการมาเพื่อทำงานร่วมกัน เพื่อเลี้ยงดูคนรุ่นหลังที่ต้องการการพึ่งพิงและอยู่รอดไปด้วยกันเพื่อประโยชน์ของทั้งกลุ่ม pp.204

การเชื่อมโยงจุดต่างๆ ในชีวิตทำได้ง่ายเมื่อมองย้อนหลัง แต่จำยากกว่ามากที่จะเชื่อว่าจุดเหล่านี้จะเชื่อมกันเป็นภาพอันสวยงามขณะที่ชีวิตยังพัวพันอยู่ในความยุ่งเหยิง pp.212

สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดคือโลกที่ผู้คนไม่ทำร้ายกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน pp.213

เราอยู่ในช่วงเริ่มต้นของยุคแห่งความเมตตา ผู้คนเรียกร้องหาความเข้าใจ ที่ยืนของตนในโลก และหนทางที่จะมีความสุข และพวกเขายังมองหาวิธีการเปลี่ยนแปลงตนเอง pp.214

ไม่มีชีวิตใครที่เกิดมาสมบูรณ์แบบ และไม่มีทางที่จะหนีจากความจริงแห่งความทุกข์อันโหดร้าย ไม่มีทางที่จะหนีจากความเชื่อมโยงที่สวยงามของหัวใจ pp.215

Tags: ,