About Kriangkrai Chaonithi

A computer engineer scientist who loves knowledge sharing. CTO & Co-founder at Credit OK

การบริหาร กับงานที่เพิ่มขึ้น

Quote

เมื่องานเพิ่มมากขึ้น..

ต้องปรับวิธีบริหารให้ดีขึ้น
พัฒนาการสื่อสารให้ดีขึ้น
เชื่อใจทีมงานให้มากขึ้น
มอบหมายงานแก่ทีมให้มากขึ้น
ส่งต่อความสำเร็จแก่ทีมให้มากขึ้น
เข้าอกเข้าใจทีมงานให้มากขึ้น
อยู่กับตัวเอง ทบทวนตัวเองให้มากขึ้น

ไม่ว่าจะยุ่งเพียงใด อุปสรรคจะถาโถมมาขนาดไหน
คอยเตือนตัวเองให้ขึ้นใจ ไม่ว่ายังไงสติต้องไม่หลุด
ยิ่งรับผิดชอบงานใหญ่ สิ่งต่างๆ ยิ่งเกิดขึ้นรวดเร็ว
การตัดสินใจยิ่งต้องแม่นยำ มั่นคงไว้ซึ่งความเที่ยงธรรม
ขออย่าได้พลาดพลั้ง ตกเป็นทาสแห่งอารมณ์

ผลึกความคิดที่ได้จากหนังสือ Unicorn Tears สตาร์ตอัพแบบไหนที่ไม่ได้ไปต่อ

Unicorn Tears หนังสือปกสวยเล่มหนึ่งที่ผมตัดสินใจนานมากกว่าจะหยิบมา เพราะรู้สึกว่าทุกวันนี้ปัญหาก็เยอะมากอยู่ละไม่อยากจะรับรู้ปัญหาอะไรเพิ่ม แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจซื้อมา เพราะคิดว่ามึงหนีปัญหาไม่พ้นหรอก ต้องเตรียมตัวเผชิญหน้าถึงจะถูก แล้วก็ค้นพบว่า เป็นหนังสือที่ควรอ่านก่อนจะเริ่มทำสตาร์ตอัพ ไม่ใช่เพิ่งมาอ่านเอาตอนนี้ 555 (จริงๆ เป็นหนังสือที่คนทำสตาร์ตอัพทุกคนควรอ่านสักครั้ง ไม่ว่าจะอยู่ Stage ไหนก็ตาม)

หนังสือเล่มนี้เน้นไปถึงผู้ก่อสตาร์ตอัพเป็นหลัก กล่าวถึงอุปสรรค์ต่างๆ ที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัพจะต้องเจอ ซึ่งหลายคนจะเห็นตามข่าวถึงปัญหาของขายไม่ได้ เงินหมด จะอะไรก็ว่ากันไป นั่นก็เป็นปัญหา แต่มีอีกปัญหาที่เป็นเรื่องสำคัญมากด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ แรงกดดัน และสภาพจิตใจของผู้ก่อตั้ง ซึ่งมักจะไม่ค่อยมีคนพูดถึงกัน เพราะมันจะแสดงออกถึงความอ่อนแอหรือจะอะไรก็ตามที แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก และหนังสือเล่มนี้ก็ได้กล่าวถึงไว้อย่างเป็นห่วงเป็นใย เรียกว่าเข้าถึงหัวใจผู้ประกอบการสุดๆ

หากจะกล่าวถึงสิ่งที่ต้องคำนึงถึง การพัฒนาไอเดีย การหาผู้ร่วมก่อตั้ง การจัดหาและดูแลพนักงาน การพัฒนาแผนธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริหารเงิน การระดมทุน การจัดการความสัมพันธ์กับนักลงทุน เรียกว่าเล่มนี้ทำได้ครบรอบด้านเลย ขอแนะนำให้ผู้ประกอบการทั้งหลายลองไปหาอ่านดู

จากประสบการณ์ทำงานสตาร์ตอัพมาได้เกือบจะ 4 ปี ต้องยอมรับเลยว่านี่เป็นเส้นทางที่หฤโหดมาก มีอะไรต้องทำมากมายเสียจนหันมาดูปฏิทินอีกทีแล้วก็ต้องตกใจว่าจะสิ้นเดือนอีกแล้วหรอฟระ แต่ละ Stage ก็มีสิ่งที่ต้องทำ มีปัญหาที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง ต้องเรียนรู้ ต้องปรับตัวไม่ได้หยุดเลยจริงๆ แต่ก็ท้าทายและสนุกมากไปพร้อมกัน

สื่อต่างๆ นำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับสตาร์ตอัพผิดเพี้ยนจากความเป็นจริงไปพอสมควร ความคิดเห็นส่วนตัว ผมคิดว่าสตาร์ตอัพไม่ใช่ทางที่ใครจะมาทำก็จะมา จะไปก็ไป มันมีความคาดหวัง มันมีพันธะมากมาย ผมว่ามันคือ Life Style มันคือเส้นทางของคนที่คิดอยากเปลี่ยนโลก มันคือเส้นทางของนักสู้ หาใช่ที่มาขุดเงินขุดทองหวังรวยเร็วอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน การระดมทุนได้เป็นแค่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่แท้จริง

ที่อยากเน้นย้ำอีกเรื่องคือ สภาพจิตใจของคนทำสตาร์ตอัพนั้นต้องแข็งแกร่งดั่งเพชรจริงๆ ผมหมายถึงตั้งแต่ผู้ก่อตั้งไปจนถึงพนักงานทุกคน คุณจะต้องรับศึกรอบด้าน ต้องรักษาสมดุลชีวิตให้ได้ คุณเลือกมาขึ้นเรือเล็ก มันย่อมโคลงเคลงมากเป็นธรรมดา แต่ก็มีข้อดี การแจวของคุณจะส่งผลอย่างมากต่อองค์กร คุณจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนจากงานที่คุณทำ คุณจะได้เรียนรู้ทั้งลึกทั้งรอบด้าน แล้วถ้าอดทนจนเรือไปถึงเป้าหมายได้จริง ก็มารอดูกันว่ารางวัล (ความรู้ ประสบการณ์ เงิน) ที่ได้กลับมานั้นจะคุ้มค่าเพียงใด หรือต่อให้ไปไม่ถึงฝั่ง ผมก็เชื่อว่าคุณก็จะแกร่งจนเดินไปไหนก็มีแต่คนกวักมืออยากให้ไปร่วมงาน

ขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ไว้ให้ผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัพทุกท่านได้อ่าน ได้พิจารณา และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จากใจเพื่อนร่วมวงการ และขอเป็นกำลังใจให้นักสู้ทุกคน..

Continue reading

ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ต้องไม่ใหญ่ไปกว่าภารกิจที่ตนทำ

ข้อควรระวังของการเป็นผู้นำคือการเคลมเครดิตให้ตัวเอง

งานใหญ่ต่างล้วนสำเร็จลุล่วงจากการร่วมแรงของทีมงาน
ผู้นำอย่างมากก็เป็นแค่คนช่วยชี้ทางช่วยตัดสินใจ
เป็นที่พึ่งพาทางใจ ทางความคิด ให้ทีมได้มีกำลังใจ

หรือหากเกิดสถาการณ์ที่ผู้นำไปลงมือทำงานด้วยตัวเอง
นั่นเป็นสัญญาณให้ทบทวนแล้วว่ามีการบริหารที่ผิดพลาดหรือไม่
หน้าของตนที่แท้จริงคืออะไร ควรกลับมาทบทวนให้ดี

สุดท้ายเมื่อทีมทำงานสำเร็จ
เครดิตต่างๆ ย่อมเข้ามาทางผู้นำอยู่แล้ว
จึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่ต้องไปหาความดีความชอบมาใส่ตัว
แล้วสุดท้ายก็ควรมอบเครดิตเหล่านั้นให้ทีมงานอยู่ดี

ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ต้องไม่ใหญ่ไปกว่าภารกิจที่ตนทำ

จงซื่อสัตย์ต่อตนเอง

เคยรู้สึกว่าการโกหกตัวเองเจ๋งมากตอนเรียน ป.โท
เพราะมันช่วยให้เราทำใจทนทำในสิ่งที่ไม่ชอบ
และมีกำลังใจในการเรียนให้สำเร็จลุล่วง

Continue reading

การออกกฎอย่างมีประสิทธิภาพ

ในยุคปัจเจกชนเฉกเช่นปัจจุบันนี้
ทุกคนมีอิสระในการแสดงความคิดเห็น
การจะออกกฎให้ผู้คนปฏิบัติตาม
ต้องเน้นไปที่ประโยชน์สุขของคนในสังคมเป็นหลัก
มากกว่าความคิดเห็นของผู้มีอำนาจปกครอง
หรือขนบธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา
โดยไม่รับฟังเหตุผลของผู้เรียกร้องอย่างลึกซึ้ง

สังคมจะอยู่ได้ก็ต่อเมื่อผู้คนในสังคมทำตามกฎระเบียบ
ถ้าผู้คนในสังคมเห็นแย้งกับกฎระเบียบที่มีอยู่
ก็คงเป็นเรื่องยากที่คนในสังคมจะปฏิบัติตาม
และเป็นไปไม่ได้ที่สังคมจะสงบเรียบร้อย

หน้าที่ของผู้ออกกฎจึงไม่ใช่การคิดว่าจะออกกฎอะไร
แต่เป็นการออกไปฟังความคิดเห็นจากคนในสังคมให้ได้มากที่สุด
แล้วเก็บเอามาคิดพิจารณาให้ตกผลึกว่า
จะออกกฎอย่างไรให้คนสังคมมีความพึงพอใจ
เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นธรรมที่สุด
รวมไปถึงการสื่อสารหลักการและเหตุผลเพื่อให้คนในสังคมเข้าใจ

ถึงจะไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำให้ทุกคนในสังคมพอใจ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะหยุดไม่พัฒนา
วิธีการกำกับสังคม ให้เป็นไปในทิศทางที่เอื้อประโยชน์แก่ทุกคน
ให้ทั่วถึง ให้เท่าเทียม ให้ได้มากที่สุด

สังคมจะเดินต่อไปได้หาใช่เพราะผู้นำสังคมแค่บางคน
แต่เป็นเพราะผู้คนในสังคมที่เดินร่วมกัน
เพื่อให้สังคมได้ก้าวเดิน

คุณค่าของงาน ขึ้นอยู่กับมุมมองที่เรามีต่องาน

ถ้างานทำแล้วเป็นสุข แม้จะเยอะและยากเพียงใด หรือต่อให้อยู่นอกเวลาทำงาน คนก็ยินดีทำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ถ้างานทำแล้วเป็นทุกข์ ต่อให้จะน้อยและง่ายเพียงใด ต่อให้อยู่ในเวลาทำงาน คนก็ฝืนใจทำบ่นโอดครวญไม่อยากทำ

ปัญหาคือบางงานมันจะมาเราเลือกไม่ได้ มันจำเป็นต้องทำ ก็ต้องมีใครบางคนต้องทำ

โชคดีที่ความสุขความทุกข์เป็นเรื่องของมุมมอง อย่างน้อยเราสามารถควบคุมปรับมุมมองที่มีต่องานได้ด้วยตัวเราเอง

ความจริงก็แค่หยุดตีโพยตีพาย แล้วมาคิดพิจารณา เลือกมองงานในมุมมองที่สร้างสรรค์ หาทางทำให้มันสนุก มองถึงโอกาสในการเรียนรู้ ทำมันเพื่อพัฒนาตนเอง เพียงเท่านี้ทุกงานก็จะออกมาดี เป็นผลงานที่มีคุณค่า คนทำก็จะมีความสุข อนาคตก็มีแต่จะเติบโต

พูดง่าย แต่ทำยาก สุดท้ายถ้าหนีไม่พ้น ยังไงก็ต้องทำ แล้วจะมัวจมกองทุกข์อยู่กับมุมมองแย่ๆ เพื่ออะไร

ที่น่ากลัวไม่ใช่การต้องทำงานที่ไม่ชอบ
ที่น่ากลัวคือการไม่มีงานทำต่างหาก

ความสำคัญของการพักผ่อน

มาถึงวันนี้จึงได้เข้าใจว่า
การได้พักบ้าง ได้มีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง สำคัญเพียงใด
ก็หลังจากพายุงานได้โหมกระหน่ำมาได้ 3 เดือนเศษ
วันธรรมดาดูแลทีม ดูแลลูกค้า
วันสุดสัปดาห์จึงจะได้เขียนโปรแกรมอย่างมีสมาธิ

Continue reading

ผลึกความคิดที่ได้จากหนังสือ เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ (Into The Magic Shop)

สมองรู้อะไรมากมาย แต่ความจริงอันเรียบง่ายก็คือ
สมองยังรู้อะไรได้อีกมากเมื่อทำงานร่วมกับหัวใจ

ในปัจจุบันนี้เราได้เรียนรู้ว่าสมองเป็นกลไกการทำงานหลักเกี่ยวกับความคิด
ช่วยตัดสินใจเรื่องต่างๆ ช่วยควบคุมส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ส่วนหัวใจทำงานเป็นแค่อวัยวะที่คอยสูดฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย
แต่ก็ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลใด มนุษย์เรากลับแทนความรู้สึกต่างๆ ว่าเป็นเรื่องของหัวใจ
หรือความจริงแล้ว สมองและหัวใจจะมีความเชื่อมโยงที่ลึกซึ่งกันมากกว่าที่เราคิด

หนังสือเล่มนี้เล่าถึงประวัติของประสาทศัลยแพทย์ (หมอผ่าตัดสมอง) คนซึ่ง
ซึ่งเคยเป็นเด็กชายที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนและมีปัญหาที่สุด
แต่โชคดีได้พบกับผู้หญิงผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ผู้ซึ่งรู้จักสุดยอดกลวิเศษ และถ่ายทอดให้กับเขา
กลที่ว่านั้นจะช่วยให้ผู้ที่ใช้เป็นสามารถได้สิ่งที่ต้องการ และกลนี้เป็นกลที่เกี่ยวกับการใช้หัวใจ

Continue reading