คุณค่าของการขอบคุณ

วันนี้ได้เรียนรู้เรื่องน่าสนใจบางอย่างจากเจอขอทานสายบุก
เมื่อเย็นระหว่างเดินทางกลับต่างจังหวัด แวะปั้มน้ำมัน แล้วก็ไปย้ายของเข้าท้ายรถนิดหน่อย
อยู่ๆ ก็มีผู้ชายเดินมา เรียกน้องๆ มาแต่ไกล ทีแรกนึกว่าจะมาถามทางหรือข้อมูลอะไรก็เลยรอฟัง
จากนั้นพี่แกก็พูดเล่าเรื่องชีวิตอย่างไว บอกพระอาจารย์บอกไม่อยากให้ไปขโมยใคร
แต่กำลังจะเดินทางบลาๆ ระหว่างที่งงๆ เราก็บอก เอาใหม่นะ พูดช้าๆ หน่อย ฟังไม่ทัน
เขาก็เล่าใหม่แบบช้าลง สุดท้ายจบด้วยการว่าขอเงินค่ารถ 180 บาท
มาถึงตอนนี้ก็รู้ละว่า ไอ้นี่ขอทานสายเรี่ยรายเงินแน่นอน ส่วนตัวเคยเจอมาแล้วครั้งนึง
แต่ตอนนั้นก็อยู่ตัวๆ ไม่มีคนแถวนั้น ต้องวัดใจว่าจะให้เงิน หรือปฏิเสธไปแล้วเสี่ยงมันโกรธทำร้ายเอา
สุดท้ายเลือกไม่เสี่ยง ก็เลยบอกว่า 180 บาทเลยหรอ ให้ไม่ได้หรอก เยอะไป
แล้วก็เปิดกระเป๋าเงินโกยเหรียญไปให้ น่าจะมีอยู่ 20 กว่าบาท

ความน่าสนใจมันอยู่ที่หลังจากนี้ล่ะ
หลังจากที่คุณขอทานนั่นได้เงินไปปุ๊บ
แกก็กำเงินใส่กระเป๋าแล้วเดินจากไปเลย
ผมนี่ติดมึนเลย ยืนเหวอ ตอนนั้นรู้สึกมันขาดอะไรบางอย่าง
ก็เลยตะโกนบอกมันว่า “เฮ้ย ได้เงินแล้วไปแบบนี้เลยหรอ”
มันก็หันมามอง แล้วก็ ฮะ ฮะ พูดอะไรนะ
เราก็บอกไปอีกครั้ง แม่งก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ความรู้สึกเหมือนเราไม่เคยเจอกันมาก่อนไงงั้น
นี่เพิ่งเอาเงินกูไปนะ มึงนี่ช่างไร้เยื่อใย

จากนั้นก็ขึ้นรถขับรถออกมา พยายามจะเลิกคิด
ความจริงไม่ได้ต้องคิดถึงเรื่องนี้ก็ได้ เพราะเงินก็ไม่ได้เยอะอะไร
แต่เรากลับรู้สึกโกรธ รู้สึกแปลกๆ เหมือนมันเป็นการให้ที่ขาดอะไรบางอย่าง
ทำให้พยายามคิดวิเคราะห์ต่อไปอีกประมาณสิบนาทีได้
พยายามเจาะลึกลงไปว่า เราโกรธเขาทำไมนะ
โกรธเพราะเสียเงินก็ไม่ใช่ เพราะเงินนิดเดียว
โกรธเพราะรู้สึกโดนหลอก พิจารณาดูแล้วอันนี้ก็ด่วนตัดสินไป เขาอาจเล่าความจริงก็ได้
สุดท้ายมาจบที่ว่า โกรธเพราะ “เขาไม่แสดงการขอบคุณ”

เหตุการณ์วันนี้ทำให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งในคุณค่าของการขอบคุณ
การขอบคุณเป็นสิ่งที่แสดงออกมาเป็นคำพูด หรือการกระทำ
เพื่อแสดงถึงความรู้สึกของการเห็นคุณค่าของสิ่งที่ได้รับมา
การขอบคุณคือการเห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่
พอคิดได้ดังนี้ก็เลยหายโกรธขอทาน กลายเป็นรู้สึกสงสารแทน
ทำให้เข้าใจทันทีว่าทำไมเขาจึงมีชีวิตลำบากเช่นนี้
จนอยากจะวนรบกลับไปบอกให้ลองฝึกขอบคุณดู น่าจะช่วยให้ชีวิตของคุณดีขึ้นได้นะ
(สุดท้ายไม่ได้วนกลับไป พลังเมตตายังไม่แกร่งพอ)

อีกเรื่องที่คิดได้ก็คือ
ความจริงเรายังเป็นคนที่ยังทำบุญหวังผล
อย่างน้อยก็ยังหวังคำขอบคุณ
เก็บไว้เตือนตัวเองครั้งหน้าว่า
ถ้าคิดจะมอบอะไรให้กับใครแล้ว ให้ทำใจให้พร้อมก่อนมอบ
แล้วจึงค่อยมอบไป โดยไม่ต้องหวังว่าเขาจะทำอย่างไรต่อ
ทำแบบนี้ได้ก็น่าจะช่วยให้ไม่ต้องโกรธขอทานนั่นตั้งแต่ต้น

พูดถึงมันก็น่าคิดว่า
เวลาเราหยอดเงินลงตู้ที่วัด
ตู้มันก็ไม่ได้ขอบคุณอะไรเรา
พระที่มาแกะเงินก็อาจจะแย่ทำตามหน้าที่
แต่เรากลับยอดได้โดยไม่รู้สึกเสียดายอะไร
ปรกติทำบุญไม่ขอพร อยากหยอดก็เพราะต้องการสนับสนุน
นั่นก็น่าจะเพราะมีเวลาได้พิจารณาดีแล้วว่าเราจะทำทานเท่าไหร่

เอาเป็นว่า
ต้องขอบคุณนายขอทานที่ทำให้เข้าใจว่า การขอบคุณ สำคัญเพียงใด
และทำให้เห็นถึงจริตในการให้ทานของตัวเองชัดเจนมากขึ้น

การทำทานต้องเกิดขึ้นด้วยความสมัครใจ
และอย่าลืมขอบคุณบ่อยๆ
นอกจากจะช่วยให้คนให้รู้สึกดีขึ้นแล้ว
มันยังเป็นกระบวนการที่ช่วยลด Ego ไปในตัว
ช่วยให้เราเข้าใจถึงคุณค่าของสิ่งที่ได้มา