Review การใช้งาน WD My Cloud Home หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์

สัปดาห์ก่อนผมซื้อ WD My Cloud Home 3 TB มาใช้ ราคา 5090 บาท คือใจจริงอยากจะได้มาทำ Time Capsule แหละ แต่เห็นมันเป็น NAS ด้วยก็น่าจะดี แต่ผลออกมาไม่ได้ดั่งใจเท่าไหร่ วันนี้ครบ 1 สัปดาห์เลยขอมาเขียน Review ให้พิจารณากันก่อนตัดสินใจ

TLDR; ถ้าอยากได้ Time Capsule พอไหว ถ้าอยากได้ NAS อย่าซื้อ!


มาดูรายละเอียดกัน

  • WD My Cloud Home ไม่ใช่ NAS มันคือ Custom Android ง่อยๆ ที่ WD เอามาโมแล้วลงแอปบ้าๆ ของมัน ทำให้ดูเหมือนจะดี สามารถ Access ผ่านแอปได้ทุกที่ แต่ความจริงแล้วมันเหมือนคุณซื้อเนื้อที่ Dropbox ใหญ่เท่าขนาด HDD แล้วต่อเข้ากับเน็ตบ้านช้าๆ อารมณ์แบบนั้นเลย ถ้าจะใช้ฟีเจอร์ Cloud Home ของมัน ผมแนะนำให้เอาเงินไปจ่ายรายเดือน Dropbox ของ Google Drive เสียดีกว่า ตอนนี้ลบแอปมันทิ้งไปหมดละ น่ารำคาญมาก คือเขียนมาอย่างห่วย เหลืองานใช้แต่ของ Local Network เอา
  • Design แนวตั้ง ทำให้กลัวมันจะล้ม แถมยังใส่ช่องเตี้ยๆ ไม่ได้ สุดท้ายจับนอนบนเร้าเตอร์แล้วเอาวัสดุหนาๆ มาวางแยกไว้ ตอนนี้เลยโอเคละ
  • ถ้าไม่ต่ออินเทอร์เน็ต ใช้งานไม่ได้ ตลกมาก ถ้าวันไหนมีช่องโหว่แล้วข้อมูลจะเป็นยังไงให้คิดดูเอาเอง
  • อยากได้ Static IP ต้องไปเซทในเร้าเตอร์นะครับ ไอ้อุปกรณ์นี่ Config อะไรไม่ได้เลย สั่ง Restart สั่ง Shutdown ได้เท่านั้น
  • HDD มันหมุนตลอดเวลา เหมือนจะไม่มี Power Save Mode และสร้างแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรง อย่าเอาไว้บนโต๊ะทำงาน น่ารำคาญมาก สุดท้ายตอนนี้อย่างที่บอก ไปวางบนเร้าเตอร์ ผ่านยางกันสั่น 2 ชั้น เลยไม่มีปัญหาละ
  • มี File Network Protocol ให้ใช้แยก 2 อัน คือ SMB กับ AFP (ข้อดีบ้าง)
  • เอามาเก็บไฟล์ไว้แชร์ผ่าน Network ภายใน ใช้ SMB ดีสุด เข้าผ่านได้ทุกอุปกรณ์ เปิดดูหนังจากมือถือได้เลย หรือจะ Mount ผ่าน Raspberry Pi ทำให้มี Storage ขนาดยักษ์ไว้ใช้ก็ทำได้ ทำงานรวดเร็วปรกติดี แต่ตั้ง User/Pass ไม่ได้ เพราะบอกแล้วว่า “มันไม่ใช่ NAS!” ถ้าไม่อยากให้คนเข้าถึงไฟล์ต้องสร้าง parse bundle image ใส่รหัสเอาไว้ แต่สุดท้าย มันเปิดไม่ได้ แต่มันลบได้อยู่ดี -_-
  • เอามาใช้ Time Machine ใช้ AFP ได้เลย ถ้าอยากเก็บไฟล์ไม่ให้คนใช้ Windows เข้าถึงได้เก็บผ่านที่นี่ได้ แต่เป็น Public เหมือนกัน คนใช้ Mac ด้วยกันเข้าถึงได้หมด แต่ไฟล์ Backup เข้ารหัสอะไรได้ปรกติ สามารถ Restore ผ่านทาง Restore Mode ของ Mac ได้เลย
  • การใช้งานที่ง่ายที่สุดคือการเขียน Script ให้มัน mount เก็บเอาไว้ 2 อัน SMB กับ AFP เวลาเปิดเครื่องก็ไปสั่งให้มัน mount ตัว Time Machine ก็จะทำงานอัตโนมัติเลย ถือว่าสะดวกอยู่ ตอนนี้เลยไม่มีปัญหาเรื่อง Time Machine Backup ไม่สำเร็จละ แล้วก็มี Backup ย้อนหลังทุกชั่วโมงด้วย ปลื้ม

สรุปคือ ถ้าคุณเป็น Expert อย่าซื้อ ถ้าคุณเป็น User ทั่วไป ก็อย่าซื้อ ผมว่ามันคืออุปกรณ์นี้มันทำอะไรได้ไม่สุดสักอย่าง จะเป็น Cloud ก็ไม่สุดเพราะแอปห่วย จะเป็น NAS ก็ดันจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลไม่ได้อีก มีดีที่ราคาถูกสุดในตลาดอย่างเดียว ซื้อมา 5090 บาท ราคา HDD 3390 บาท ตกราคากล่องอุปกรณ์อยู่ที่ 1700 บาท ซึ่งถือว่ารับได้นะ แม้สุดท้ายเราไม่ได้ต้องการอุปกรณ์ที่มีฟีเจอร์เพี้ยนๆ แบบนี้มาใช้งาน แต่มันก็ใช้งานได้ตามที่ผมต้องการ คือใช้มันเป็น Time Capsule (คือเทียบราคาไม่ติดกับของ Apple แล้วถูกกว่ากันเป็นเท่าตัว) แถมยังดีกว่าตรงที่เอามาแชร์ไฟล์อะไรกันได้นิดหน่อยด้วย แม้มันจะไม่ปลอดภัยก็เถอะ ก็อย่าให้มีเด็กซุกซนเข้ามาใน Network ก็พอ สำหรับคนใช้ Windows ผมมองว่าอุปกรณ์นี้แทบไม่มีประโยชน์เลย

ตอนนี้เริ่มเห็นคนพยายามแฮครีดประสิทธิภาพกันบ้างละ เดี๋ยวอีก 2 ปีหมดประกันจะแกะมา Custom จับทำ Linux Server ซะ น่าจะพอช่วยแก้ไขด้อยออกไปได้บ้าง อันนี้ลิงค์เผื่อใครอยากไปต่อ https://community.wd.com/t/install-entware-on-wd-my-cloud-home-ssh-access-nfs-server-opkg-install-packages/228591

อัพเดท 1 ปีผ่านไป

ตอนนี้ถอด HDD มาใส่กล่อง USB เรียบร้อยแล้ว รู้สึกใช้แบบเสียบสายยังมีความสุขซะกว่า

อัพเดทล่าสุด ผมเอาไปเสียบเร้าเตอร์ USB แชร์ไฟล์ผ่านทาง FTP ได้เรียบร้อย ทีนี้ได้ NAS มาใช้สมใจอยากละ

Tags: , ,